ภาษี กับธุรกิจฝากขายสินค้า เป็นอย่างไร ?
ภาษี กับธุรกิจฝากขายสินค้า เป็นอย่างไร ❓
การฝากขาย คือ การที่เจ้าของสินค้า ซึ่งเรียกว่า ผู้ฝากขาย (Consignor) ส่งสินค้าไปให้บุคคลอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวแทนของเจ้าของสินค้าทำการจำหน่ายสินค้านั้นให้ ซึ่งเรียกว่า ผู้รับฝากขาย (Consignee) และผู้รับฝากขายจะได้รับผลตอบแทนเป็นค่านายหน้า ซึ่งจะคำนวณเป็นอัตราร้อยละจากยอดขาย ซึ่งกิจการซื้อมาขายไป – สินค้าฝากขาย การฝากขายสินค้าทางกรมสรรพากรได้ออกแนวทางในการปฎิบัติไว้ 2 แบบดังนี้
1️⃣ การฝากขายโดยไม่มีสัญญาแต่งตั้งตัวแทน
ในกฎหมายเกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม ได้ระบุไว้เป็นการทั่วไปว่า“เมื่อมีการส่งมอบสินค้าเพื่อเป็นการฝากขาย” ไปให้ผู้รับฝากขาย แล้ว ถือว่า ภาระภาษีมูลค่าเพิ่มเกิดขึ้นแล้ว ผู้ฝากขาย มีหน้าที่ต้องออกใบกำกับภาษี และคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม และนำส่งภาษีขายแก่กรมสรรพากร ทำให้เกิดความแตกต่างในวิธีปฏิบัติทางบัญชี และภาษีอากรเกิดขึ้น
มาตรา 77 ภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีอากรประเมิน
(8) "ขาย" หมายความว่า จำหน่าย จ่าย โอนสินค้า ไม่ว่าจะมีประโยชน์หรือค่าตอบแทนหรือไม่ และให้หมายความรวมถึง
(ก) สัญญาให้เช่าซื้อสินค้า สัญญาซื้อขายผ่อนชำระที่กรรมสิทธิ์ในสินค้ายังไม่โอนไปยังผู้ซื้อเมื่อได้ส่งมอบสินค้าให้ผู้ซื้อแล้ว หรือสัญญาจะขายสินค้าที่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนดโดยอนุมัติรัฐมนตรี
(ข) ส่งมอบสินค้าให้ตัวแทนเพื่อขาย
(ค) ส่งสินค้าออกนอกราชอาณาจักร
(ง) นำสินค้าไปใช้ไม่ว่าประการใดๆ เว้นแต่การนำสินค้าไปใช้เพื่อการประกอบกิจการของตนเอง โดยตรงตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีกำหนด
(จ) มีสินค้าขาดจากรายงานสินค้า และวัตถุดิบตามมาตรา 87 (3) หรือมาตรา 87 วรรคสอง
2️⃣ การฝากขายโดยมีสัญญาแต่งตั้งตัวแทน
ประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 8) เรื่อง กำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไข ของสัญญาการตั้งตัวแทนเพื่อขายตามประเภทของสินค้า ตามมาตรา 78 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ 1 ต้องเป็นสัญญาการตั้งตัวแทนเพื่อขายสินค้าโดยตัวแทนได้รับค่าตอบแทนหรือบำเหน็จจากตัวการตามที่ได้กำหนดไว้ในสัญญาตั้งตัวแทน
ข้อ 2 สัญญาตามข้อ 1 ต้องจัดทำเป็นลายลักษณ์อักษร และเป็นสัญญาที่ตั้งตัวแทนเพื่อขายสินค้าประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือทุกประเภทก็ได้
ข้อ 3 ตัวการ และตัวแทนต้องเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนซึ่งต้องคำนวณเสียภาษีมูลค่าเพิ่มตามมาตรา 82/3 แห่งประมวลรัษฎากร
ข้อ 4 ตัวการ และตัวแทนต้องเก็บรักษาต้นฉบับสัญญาการตั้งตัวแทนไว้ ณ สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ เป็นเวลาไม่น้อยกว่าห้าปีนับแต่วันสิ้นสุดสัญญา
ข้อ 5 ตัวการต้องแจ้งสัญญาการตั้งตัวแทนต่อเจ้าพนักงานสรรพากรภายใน 15 วันนับแต่วันทำสัญญาตั้งตัวแทน ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือสำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาในเขตท้องที่ที่สถานประกอบการที่เป็นสำนักงานใหญ่ของตัวการตั้งอยู่ (แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศอธิบดีกรมสรรพากร เกี่ยวกับภาษีมูลค่าเพิ่ม (ฉบับที่ 145) ใช้บังคับ 11 ตุลาคม 2545 เป็นต้นไป)
ข้อ 6 ตัวแทนต้องจัดทำรายงานสินค้า และวัตถุดิบ โดยให้จัดทำแยกต่างหากจากรายงานสินค้า และวัตถุดิบของตน ตามมาตรา 87 (3) แห่งประมวลรัษฎากร
🐳 การฝากขายสินค้ามีประเด็น ทางบัญชี และภาษีอากรที่ต้องทำความเข้าใจพอสมควร ทั้งในส่วนของภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้นิติบุคคล กิจการควรวางแผนจัดการ อย่างเป็นระบบ ในหัวข้อประเด็นทางบัญชี ภาษีดังนี้ 🐳
การรับรู้รายได้ / ภาษีมูลค่าเพิ่ม
📌 ตามความหมายการขายตามภาษีมูลค่าเพิ่ม ดังนั้น สินค้าที่ฝากขาย โดยไม่มีสัญญาแต่งตั้งตัวแทนนั้น ผู้ฝากขาย ต้องออกใบกำกับภาษี และนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
📌 ผู้รับฝากขาย ได้รับใบกำกับภาษีมูลค่าเพิ่ม และสามารถนำมาใช้ในการเครดิตกับภาษี
📌 หากสินค้าที่ไปวางไว้ที่ผู้รับฝากขายยังขายไม่ได้ ก็เท่ากับ ผู้ฝากขาย ต้องจ่ายภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ทั้งที่ยังไม่สามารถขายสินค้าได้ ในบางกรณี ผู้ฝากขายอาจทำข้อตกลงกับผู้รับฝากขายว่า ทุกสิ้นเดือนจะนับยอดสินค้าคงเหลือ และปรับยอดฝากขายโดยออกใบลดหนี้ ให้ยอดขายตามใบกำกับภาษีนั้นลดลง เพื่อให้ยอดคงเหลือของสินค้าสะท้อนถึงตัวเลขสินค้าที่ขายได้จริง วิธีนี้จะช่วยให้ผู้ฝากขายปรับยอดภาระภาษีมูลค่าเพิ่มที่ต้องชำระทุกเดือน ให้เป็นไปตามยอดที่สามารถขายได้จริง
สรุป
👉 กรณีไม่มีสัญญาแต่งตั้งตัวแทน – ออกใบกำกับภาษี และออกใบลดหนี้เมื่อสิ้นเดือน
👉 กรณีที่สัญญาแต่งตั้งตัวแทน – ออกใบส่งมอบสินค้า และยังไม่ต้องรับรู้รายได้ / ไม่ต้องรับรู้ภาษีมูลค่าเพิ่ม จนกว่าตัวแทนจะขายสินค้าได้
มูลค่าสินค้าตามใบกำกับภาษี / รายได้ของกิจการ
📌 ในการฝากขาย กิจการอาจจะเลือกตกลงราคา / ผลประโยชน์ตามยอดขายไว้อย่างชัดเจน หรือขายโดยให้ผู้รับฝากบวกผลประโยชน์เพิ่มไว้เองดังนั้นยอดมูลค่าสินค้าตามใบกำกับภาษี ควรจะเป็นยอดมูลค่าสินค้าตามราคาตลาด เพราะถ้ากิจการออกใบกำกับภาษียอดที่ต่ำกว่าราคาตลาดอาจมีความเสี่ยงในการถูกประเมินภาษีเพิ่มได้
📌 มูลค่าในใบกำกับภาษีอาจจะไม่ใช่ยอดที่กิจการเรียกเก็บจากผู้รับฝากขาย แต่เป็นยอดเพื่อการนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม
📌 เมื่อขายสินค้าได้ทางผู้รับฝากอาจจะจ่ายเงินชำระค่าสินค้าเท่ากับมูลค่าในใบกำกับภาษี หรือ อาจจะจ่ายโดยหักส่วนลดที่กิจการได้ตกลงกันไว้แล้วก่อนหน้านี้
ผลของการรับรู้รายได้มีดังนี้
ข้อ 1 กิจการรับรู้รายได้สูงเกินไป ถ้าช่วงคาบเกี่ยวปี จะมีผลในการนำส่งภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงเกินไป
ข้อ 2 การรับรู้รายได้คลาดเคลื่อนไปจากมาตรฐานการบัญชี
สรุป
👉 กรณีไม่มีสัญญาแต่งตั้งตัวแทน – รับรู้รายได้ตามยอดในใบกำกับภาษีซื้อควรต้องใช้ราคาตลาด
👉 กรณีที่สัญญาแต่งตั้งตัวแทน – รับรู้รายได้เมื่อตัวแทนขายสินค้าได้
การจัดทำรายงานสินค้าคงเหลือ
กรณีไม่มีสัญญาแต่งตั้งตัวแทน – กิจการผู้ฝากต้องมีการจัดทำสินค้าคงเหลือ ในส่วนสินค้าฝากขายแยกต่างหาก
กรณีที่มีสัญญาแต่งตั้งตัวแทน – เป็นหน้าที่ตัวแทนในการจัดทำสินค้าคงเหลือ (ตามประกาศภาษีมูลค่าเพิ่มฉบับที่ 8)
ที่มา : www.beeaccountant.com
ฝ่ายเทคนิค : 066-159-5593 (ตั้ม)
ฝ่ายขาย : 064-969-6698 (บีม)
8/1 ซอยลาดพร้าว 101 ซอย 42 แยก 17 (เทพทวี 5)
แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ จังหวัดกรุงเทพมหานคร
รหัสไปรษณีย์ 10240